INDEX LIVING MALL, THAILAND’S NO.1 HOME FURNISHINGS AND DECORATIVE RETAIL CHAIN STORE

ILM สร้างวีรกรรมสุดช้ำ ดิ่งหนัก 4 วันติดทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาด กังวล SSSG ที่ยังมีแนวโน้มติดลบต่อเนื่อง! กูรูชี้ต้องจับตากลยุทธ์เพิ่มอัตรากำไร ขณะที่การเติบโตของรายได้ยังต้องไปลุ้นกับสาขารูปแบบใหม่

ราคาหุ้น บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM เปิดตลาดวันนี้กลับมาฟื้นเล็กน้อย ทำจุดสูงสุดรอบเช้าที่ 19.40 บาท ก่อนมาปิดตลาดรอบเช้าที่ 19.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.13% หลังจากวานนี้ลงไปทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายที่ 18.70 บาท

ทั้งนี้ ILM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 62 ด้วยราคาไอพีโอ 22 บาท และเคยขึ้นไปทำราคาสูงสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายที่ 23.80 บาท เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 62

ปัจจุบัน ILM ดำเนินธุรกิจ ร้านค้าปลีกจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัท "Index Living Mall" และแบรนด์อื่น ๆ รวมช่องทางจำหน่ายอื่น ๆ ทั้งในและต่างประเทศ 2.ให้เช่าพื้นที่ภายในอาคาร "Index Living Mall" และรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ ในนาม "The Walk" "Little Walk" และ "Index Mall"

แม้จะเป็นธุรกิจชื่อดัง แต่ผลประกอบการ ILM กลับไม่น่าสนใจนัก โดยทำกำไรสุทธิในปี 59 - 61 ไปได้ที่ 490 ล้านบาท 497 ล้านบาท 431 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ครึ่งแรกปีนี้ทำกำไรสุทธิไปได้ 289 ล้านบาท โต 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากในช่วงเดียวกันปีก่อนมีค่าใช้จ่ายจากการปิดสาขาในมาเลเซีย และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน ซึ่งหากไม่นับรวมรายการดังกล่าว ถือว่ากำไรปกติครึ่งแรกปีนี้ลดลง 5.3%

แม้กำไรจะลดลงไม่มากแต่ราคาหุ้น ILM กลับตอบรับอย่างหนักหน่วง เพราะแนวโน้ม SSSG ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง กูรูคาดทั้งปีจะอยู่ที่ -2% จากเดิมคาด +3% ขณะที่ผู้บริหารยอมรับรายได้ปีนี้พลาดเป้าเหลือโตไม่ถึง 10% รับเศรษฐกิจทรุด

บล.กรุงศรี ระบุว่า ยอดขายต่อสาขาเดิม(SSSG) ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมายังติดลบอยู่ที่ 1 - 2% ต่อเนื่องจากครึ่งแรกปี 62 ที่ติดลบ -3% สะท้อนจากความอ่อนแอของกำลังซื้อ โดยสาขาในกรุงเทพและปริมณฑล SSSG อยู่ที่ -1% ขณะที่สาขาในพื้นที่อื่นๆอยู่ที่ -5% ดังนั้นจึงต้องปรับลดประมาณการ SSSG ปีนี้ลงจากเดิมเพิ่มขึ้น 3% เป็น -2%

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ ILM ระบุว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโตเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว จากเดิมคาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งจากรายได้ต่างประเทศลดลงจากการปิดกิจการในมาเลเซีย และกำลังซื้อในประเทศไทยที่ชะลอตัว โดยยอมรับว่าไตรมาส 3/62 จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการต่ำสุดของปี เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ และยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมอุบล

ส่วนไตรมาส 4/62 เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และเป็นช่วงที่เปิดสาขาใหม่รูปแบบแฟรนไชส์ ในประเทศเวียดนามจำนวน 2 แห่งด้วย

ILM จะยังฟื้นได้ไหม...โบรกฯ ชี้มีโอกาส แต่ก็ต้องปรับหลายด้านโดยเฉพาะกลยุทธ์เพิ่มอัตรากำไร จากการลดต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลในสองปีข้างหน้า

บล.บัวหลวง ระบุว่า ILM ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ จากโอกาสในการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น โดยมีกลยุทธ์คือ 1.การเพิ่มสัดส่วนสินค้าแบรนด์ของตัวเอง(Private Brand)ให้มากขึ้น 2.ลดสัดส่วนสินค้า Low-end และนำสินค้า Mid-to-High end เข้ามาแทน 3.ต้องหาสินค้าหมวดหมู่ใหม่ที่น่าสนใจกว่า มีขนาดเล็ก ราคาถูก และมาร์จิ้นดีเข้ามาเสริม

4.หันมารวมคำสั่งซื้อ และสั่งกับผู้ค้ารายเดียวให้มากขึ้นโดยสามารถลดจำนวนผู้ค้าเหลือ 500 ราย ได้แล้ว จากเดิม 1,000 ราย จะทำให้ขอส่วนลดได้มากขึ้น 5.ใช้ระบบอัตโนมัติ(Automation)มาช่วยมากขึ้น 6.ลดพนักงานและรวมศูนย์มากขึ้น รวมถึงให้พนักงานทำหลายแบบมากขึ้นในช่วงวันธรรมดา ซึ่งล่าสุดลดพนักงานไปแล้ว 200 คน 7.ทำให้พนักงานประกอบติดตั้งให้เป็นระบบนายตัวเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost)

ทั้งนี้ผู้บริหารมีความมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มมาร์จิ้นโดยรวมได้ ดังนั้นมองว่าตลาดอาจจะปรับประมาณการขึ้นในภายหลัง

แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท

จับตาสาขารูปแบบใหม่ผลักดันยอดขายในอนาคต

บล.กรุงศรี ระบุนอกจากแผนการลดค่าใช้จ่ายเพิ่มอัตรากำไรแล้ว ภารกิจเพิ่มรายได้เองก็ต้องจับตา โดยเฉพาะสาขารูปแบบใหม่ Younique ธุรกิจออกแบบเฟอนิเจอร์ตามลูกค้าสั่ง ซึ่งมีราคาถูกกว่าเฟอนิเจอร์แบบบิวท์อินราว 10% และสามารถติดตั้งเสร็จภายในวันเดียว จะเป็นตัวผลักดันหลักๆ เพราะยอดขายสามารถทำได้ค่อนข้างดี แม้ขณะนี้จะมีอยู่ทั้งหมดเพียง 7 แห่งเท่านั้นจากแผน 31 สาขา แต่มีรายได้อยู่ถึง 228 ล้านบาทในครึ่งแรกปีนี้ โต 85% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 5% ของรายได้รวมในครึ่งแรกปีนี้

ยังแนะนำ ถือ ต้องรอจับตาแผนลดค่าใช้จ่าย และรูปแบบธุรกิจใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลในสองปีข้างหน้า

ต้องยอมรับว่า ILM เข้าตลาดมาในช่วงที่กำลังซื้อตกต่ำพอดี ทำให้แนวโน้มผลงานออกมาไม่สวยนัก ดังนั้นหากมองไปที่โอกาสฟื้นตัวก็ยังพอมีลุ้นอยู่บ้าง แต่ก็ต้องจับตาไปที่กลยุทธ์การเพิ่มอัตรากำไรและการขยายสาขาใหม่ๆ ด้วยว่าจะทำได้ตามแผนหรือไม่ และการปรับแผนธุรกิจหลายด้านแบบนี้จะใช้เวลาแค่ไหน?

ย้อนกลับ