นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์
ประธานกรรมการ

ปี 2566 เป็นปีแห่งความหวังของทุกคนและทุกภาคส่วน ที่หวังจะเห็นการฟื้นตัวของประเทศและเศรษฐกิจให้กลับมาดีอีกครั้ง ให้กลับไปเติบโตเหมือนก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับประเทศจีนได้ทำการเปิดประเทศอย่างคับคั่ง บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ก็เช่นกันได้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตให้มากกว่าปี 2565 ที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการและเพิ่มความคล่องตัวเพื่อพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ จนบริษัทประสบความสำเร็จสร้างสถิติทำกำไรสูงสุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา โดยในปี 2566 บริษัทยังคงกำหนดแผนกลยุทธ์ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อเนื่องจากปี 2565 ส่งผลกำไรสุทธิในปี 2566 ของบริษัทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่าสถิติเดิมในปี 2565

ปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้บริษัททำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาจากการที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในประเทศจนทะลุเป้าจากที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้จังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆ มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีอย่างมากต่อยอดขายของสาขาในจังหวัดท่องเที่ยวให้เติบโตสูงกว่าก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากนั้น สาขาในกรุงเทพมหานครยังได้รับแรงบวกนั้นเช่นกัน ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี นอกเหนือจากยอดขายทางช่องสาขาหน้าร้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ช่องทางการขายออนไลน์ของบริษัทก็เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในทุกแพลตฟอร์ม ส่งเสริมให้ผลประกอบการของบริษัทแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ในด้านของธุรกิจพื้นที่เช่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 บริษัทได้ทำการเปิดสาขาใหม่ของ Little Walk ที่กรุงเทพกรีฑา เป็นสาขาที่ 4 ของ Little Walk ซึ่งได้รับผลตอบรับจากผู้เช่าดีมาก มีอัตราการเช่า 100% เต็ม อีกทั้งบริษัทมีการปรับปรุงสาขาเดิมในจังหวัดท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ตหรือพัทยา ให้มีการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สูงสุด ทั้งสำหรับการค้าปลีกของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เอง และเป็นการเพิ่มพื้นที่เช่าจึงส่งผลให้ธุรกิจพื้นที่เช่าของบริษัทแข็งแกร่งและเป็นปัจจัยที่ร่วมผลักดันให้บริษัททำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แม้เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญความเสี่ยงและความท้าทายหลายอย่างในปี 2567 แต่ความแข็งแกร่งของบริษัทที่มาจากการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตลาด มีความคล่องตัวมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เผชิญ และมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตและขยายธุรกิจได้ต่อไปทั้งในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจพื้นที่เช่า เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรภายใต้สภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่มีการแข่งขันสูงและมีค่าใช่จ่ายที่สูงขึ้น

นอกจากผลการดำเนินงานของบริษัทแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญในการตั้งมั่นสู่การเป็นองค์กรที่มีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลัก 3G อย่าง Great Experience, Green Planet, Grow Together ครอบคลุมมิติ ‘สิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล’ ด้วยแนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ ในปี 2566 นี้ บริษัทได้รับการตัดเลือกในเป็นหนึ่งใน “หุ้นยั่งยืน” หรือ SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ในกลุ่มบริษัท (Service) เป็นปีแรก สำหรับกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าราคาตามตลาด ระหว่าง 3,000-10,000 ล้านบาท และยังได้รับคะแนนด้านการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) จากสมาคมส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย (IOD) ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 นอกจากนี้บริษัทยังติดหนึ่งใน Top Quartile Companies ประจำปี 2566 เป็นปีแรก ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies : CGR) ประจำปี 2566 นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใส จนได้รางวัล SET AWARDS 2023 – Outstanding Investor Relations Wards Business Excellence ประจำปี 2566 ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 2 อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นความภาคภูมิใจของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เพื่อเป้าหมายการเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มของบริษัทอย่างยั่งยืน

ในนามของคณะกรรมการบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ใคร่ขอขอบพระคุณ ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนอย่างดียิ่งแก่บริษัทเสมอมา รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัทที่ทุ่มเททำงานในปีที่ผ่านมา ร่วมกันผลักดันผลการดำเนินงานที่สูงจนเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอันสูงสุดของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าปี 2567 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จะประสบความสำเร็จและภูมิใจไม่น้อยกว่าปี 2565-2566 ที่ผ่านมา